ผู้ที่เป็นไมเกรน ส่วนมากเลือกที่จะบรรเทาอาการปวด ด้วยการกินยาเพื่อระงับอาการปวด แต่ด้วยอาการของโรค มีลักษณะต่างจากการปวดหัวแบบอื่น ๆ และเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม สมองไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว ฮอร์โมนเปลี่ยน ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด เสียงดัง แพ้กลิ่น เป็นต้น
ซึ่งอาการปวดของไมเกรน สามารถปวดได้ทั้ง ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวทั้งสองข้าง ปวดตุบ ๆ ปวดจี๊ด ๆ ปวดตึงที่ขมับข้างเดียว หรือสองข้าง ปวดตรงช่วงท้ายทอย แต่ในบางรายที่มีอาการปวดมาก อาจมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ไวต่อแสง เสียง ไวต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย
และแรงกระแทก เป็นต้น ล้วนแล้วแต่กระทบต่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น
อาการปวดศีรษะ ในทางศาสตร์แพทย์แผนไทย กลไทการเกิดโรค เกิดจากลมตีขึ้นเป็นเหตุธาตุลมผิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ ทำให้ลมร้อนสุมอยู่บนศีรษะ หรือธาตุไฟผิดปกติ เช่น ตาร้อน ตาสู้แสงไม่ได้ ตัวร้อน ใจเต้นเร็ว
แนวทางการรักษา อาการปวดในทางศาสตร์แพทย์แผนไทย จะใช้วิธีตรวจร่างกายทางการเพทย์แผนไทย จับชีพจรดูความผิดปกติของธาตุในร่างกาย เพื่อวินิจฉัยโรค และเลือกใช้ยาให้เหมาะสม และใช้วิธีการกดจุดรักษา เพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น และพอกยาเย็นบริเวณศีรษะ เพื่อลดความร้อน
สำหรับยาที่ใช้รักษาไมเกรน เพื่อช่วยอาการปวด ในแนวศาสตร์แพทย์แผนไทย ยาหอมรสสุขุมหอม ได้แก่ ยาหอมเทพจิตร ยาหอมทิพโอสถ ยาหอมรสสุขุมร้อน ได้แก่ ยาหอมนวโกฐ ยาหอมอินทจักร์ ซึ่งก่อนเลือกใช้ยาต้องได้รับการตรวจ โดยแพทย์แผนไทยประยุกต์ นอกจากจากนี้ยังแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อโรคของผู้ป่วย เช่น ลดความเครียด
รักษาไมเกรน โดยไม่ต้องพึ่งยา ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย ที่อภัยเวลเนส
'โรคไมเกรน' เป็นโรคปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย และเมื่อเกิดอาการมักส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน จะดีกว่าไหมถ้าเรารักษาอาการเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งยา
ผู้ที่เป็นไมเกรน ส่วนมากเลือกที่จะบรรเทาอาการปวด ด้วยการกินยาเพื่อระงับอาการปวด แต่ด้วยอาการของโรค มีลักษณะต่างจากการปวดหัวแบบอื่น ๆ และเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม สมองและก้านสมองไวต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัว ฮอร์โมนเปลี่ยน ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ แสงแดด เสียงดัง แพ้กลิ่น เป็นต้น
ซึ่งอาการปวด สามารถปวดได้ทั้ง ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวทั้งสองข้าง ปวดตุบ ๆ ปวดจี๊ด ๆ ปวดตึงที่ขมับข้างเดียว หรือสองข้าง ปวดตรงช่วงท้ายทอย แต่ในบางรายที่มีอาการปวดมาก อาจมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ ไวต่อแสง เสียง ไวต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย และแรงกระแทก เป็นต้น ล้วนแล้วแต่กระทบต่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น
ปวดศีรษะ สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่มีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะ และกลุ่มที่มีอาการนำมาก่อน ซึ่งกลุ่มหลังจะมีอาการนำที่พบบ่อยคือ เห็นมีแสงขาวเป็นเส้นหยัก ๆ หรืออาจจะเห็นเป็นแบบอื่น ก่อนจะตามมาด้วยอาการปวดศีรษะ นั่นเอง
การใช้ยาในโรคไมเกรน สามารถแบ่งยาออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- 1. ใช้รักษาอาการปวดแบบเฉียบพลัน จะใช้เฉพาะช่วงที่เกิดอาการปวดเท่านั้น โดยกินยาทันทีที่เกิดอาการปวด และไม่ควรปล่อยให้เกินนาน ครึ่งชั่วโมงหลังเกิดอาการ เพราะจะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้น้อยลง
- 2. กลุ่มยาสำหรับใช้ป้องกัน
การกินยาประเภทนี้ ผู้ป่วยจะต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะซึ่งสามารถช่วยลดได้ถึง 50% แต่อาจมีผลข้างเคียงร่วมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบประสาท และสมอง มีความกังวลในการที่ผู้ป่วยซื้อยารักษาตนเอง เพราะหากใช้ยาบ่อย ๆ โดยไม่พบแพทย์เพื่อรักษาอาการอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาบ่อยได้
และอาจจะทำให้การรักษาไม่ได้ผล
เราจึงอยากแนะนำว่า ไม่ใช่แค่ยาเท่านั้นที่จะรักษาโรคได้เพราะยังมีเทคนิคการรักษาอื่น ๆ ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้นั่นคือ 'การนวดกดจุดรักษาไมเกรน'
ซึ่งทำการรักษาโดยแพทย์แผนไทย หรือแพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่สามารถช่วยลดความถี่ และความหนักในการเกิดไมเกรนได้ แถมการนวดยังช่วยในเรื่องการผ่อนคลายความตึงเครียดได้ดีอยู่แล้ว โดยวิธีการนวด จะเป็นการนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะ ขมับ ใบหน้า คอ บ่า ไหล่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไมเกรน ซึ่งเมื่อนวดไปเรื่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เส้นเลือดจะคลาย ไม่หดเกร็ง ทำให้อาการปวดศีรษะ ทุเลาลง
การนวดกดจุดรักษา โดยแพทย์แผนไทย ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนอย่างเดียวยังช่วยบรรเทาอาการ การปวดศีรษะเรื้อรัง ความตึงเครียด ปวดศีรษะคลัสเตอร์ กลุ่มอาการปวดคอ บ่า ไหล่หรือออฟฟิศซินโดรม ปวดไหล่ หัวไหล่ติด ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง
ใครรู้สึกปวดศีรษะอยู่บ่อย ๆ ลองเลิกกินยาบรรเทาอาการแก้ปวดแล้วหันมาพึ่ง การนวดกดจุดรักษา ซึ่งทำการรักษาโดยแพทย์แผนไทยรักษาอาการปวด ได้